Thailand

Poko-chan

bg-header-site-01.png

โรคประจำตัวกับคนท้อง คุณแม่ควรเฝ้าระวังอาจส่งผลต่อลูกในครรภ์ได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เนื่องจาก โรคประจำตัว อาจส่งผลต่อลูกได้ เรามาดูกันค่ะ ว่า โรคประจำตัว มีโรคอะไรที่ควรเฝ้าระวังบ้าง


ภาวะตั้งครรภ์เสี่ยง

โดยปกติแล้วการตั้งครรภ์จะถือว่า มีความเสี่ยงสูง ก็ต่อเมื่อการตั้งครรภ์นั้นมี ปัจจัยเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณแม่และลูกในครรภ์ โดยคุณหมอที่ดูแลจะคอยหาและเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คุณแม่ก็สามารถช่วยคุณหมอได้โดยการแจ้งประวัติต่าง ๆ ของคุณแม่ให้ละเอียดที่สุด และแจ้งคุณหมอเมื่อรู้สึกว่าตนเองมีอาการผิดปกติ

 

ปัจจัยเสี่ยง มีอะไรบ้าง?

  • โรคประจำตัว 

  • อายุของคุณแม่ 

  • โรคและความผิดปกติของคุณแม่ที่เกิดก่อนการตั้งครรภ์ 

  • โรคและความผิดปกติของคุณแม่ที่เกิดระหว่างการตั้งครรภ์ 

  • ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์

 

โรคใกล้ตัวกับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

 

โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

  • อาการ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการบ่งบอกของโรค จะทราบก็ต่อเมื่อเข้ามารับการตรวจคัดกรอง โดยสูตินรีแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงและกำหนดเวลาที่ควรตรวจคัดกรองเบาหวาน 

  • สาเหตุ ขณะตั้งครรภ์ รกสร้างฮอร์โมนหลายชนิดซึ่งเข้าไปในร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เป็นเหตุให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนกลายเป็นเบาหวานได้ หลังคลอดระดับน้ำตาลในเลือดคุณแม่มักจะกลับสู่ปกติ 

  • การป้องกัน ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงเวลาตั้งครรภ์ต้องรีบไปฝากครรภ์ ถ้าตรวจพบจะได้รักษาและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่เคยมีประวัติเป็นเบาหวานมาก่อน ควรไปรับการตรวจวัดน้ำตาลในเลือด เพื่อดูว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) หรือไม่ ถ้าพบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรได้รับการดูแลจากสูตินรีแพทย์อย่างจริงจัง

 

การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

  • อาการ ปัสสาวะกะปริดกะปรอย รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ อาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วมด้วย ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น สีหมักใส แต่บางรายอาจขุ่นหรือมีเลือดปน 

  • สาเหตุ จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ระบบทางเดินปัสสาวะจะทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ท่อไตจะเกิดการยืดขยายและเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าเดิม กระเพาะปัสสาวะจะมีความจุน้อยลงจากการกดเบียดของมดลูกไปดันกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะทำงานได้ไม่ดี มีคั่งค้างนาน หรืออั้นปัสสาวะนานๆ จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย 

  • การป้องกัน พยายามดื่มน้ำมาก ๆ และระวังตัวอย่าอั้นปัสสาวะ การอั้นปัสสาวะนาน ๆ ทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้สามารถแพร่พันธ์ุได้ และหลังถ่ายอุจจาระควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อโรคจากบริเวณทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ รวมทั้งการดูแลความสะอาดของกางเกงในและไม่รัดอึดอัด ระบายอากาศได้ดี

 

โรคโลหิตจาง

  • อาการ มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น มึนงง หน้ามืด เวียนศีรษะและมักมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย 

  • สาเหตุ มี 2 ชนิด คือ โรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก กับเลือดจางโรคเลือดทารัสซีเมีย อีกทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์มีความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติ เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ 

  • การป้องกัน ก่อนตั้งครรภ์ควรมีการตรวจเช็คร่างกายว่ามีภาวะโลหิตจาง ถ้าเป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ควรกินอาหารเสริมให้ร่างกายเป็นปกติก่อนจึงตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยอาหารที่มีธาตุเหล็กมาก เช่น ตับ เลือดหมู นม ไข่ ส่วนโรคโลหิตจางจากโรคเลือดทารัสซีเมียสามารถตรวจคัดกรองได้ว่าลูกจะเสี่ยงไหม โดยการตรวจเลือดของพ่อแม่ว่าเป็นพาหะหรือไม่

ภาวะแพ้ท้อง

 

  • สาเหตุ ภาวะตั้งครรภ์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่าง ๆ หลายชนิดที่รกสร้าง และการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ ทำให้เกิดอาการที่พบร่วมกันในคุณแม่ตั้งครรภ์และอาจทำให้เกิดโรคและภาวะผิดปกติในคุณแม่ตั้งครรภ์บางราย 

  • อาการ ระยะแรกมักมีอาการอ่อนเพลีย เต้านมคัดและเจ็บ ปัสสาวะบ่อย และมีอาการเบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น ร่วมกับมีประวัติขาดประจำเดือนหรือประจำเดือนเลยกำหนดเป็นสัปดาห์ ส่วนผู้ที่มีอาการแพ้ท้องมักมีอาการคลื่นไส้ 

  • การป้องกัน

  • ควรกินอาหารพวกโปรตีน อาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ผักและผลไม้ให้มาก ๆ 

  • งดเแอลกอฮอล์และบุหรี่ 

  • พักผ่อนให้มากขึ้น เมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นควรนอนตะแคง หลีกเลี่ยงการนอนหงาย เพราะมดลูกอาจกดหลอดเลือดใหญ่และท่อเลือดดำ 

  • ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป 

  • หลีกเลี่ยงการใส่ร้องเท้าส้นสูง เพราะอาจทำให้ปวดหลังได้

     

โรคความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์  

  • อาการ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแต่อย่างใด และมักจะตรวจพบโดยบังเอิญขณะไปให้แพทย์ตรวจรักษา ส่วนน้อยอาจมีอาการมึนท้ายทอย เวียนศรีษะ หรือหากเป็นมากอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น นอนไม่หลับ มือเท้าชา ตามัวหรือมีเลือดกำเดาไหล 

  • สาเหตุ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จะพบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อายุน้อยหรืออายุมาก และมักพบในการตั้งครรภ์แรก นอกจากนั้นสามารถพบได้ในตั้งครรภ์แฝดหรือมีประวัติสมาชิกในครอบครัวที่แม่เคยเป็นโรคนี้ขณะตั้งครรภ์ 

  • การป้องกัน ควรจะตั้งครรภ์ในอายุที่เหมาะสม ฝากครรภ์และปรึกษาแพทย์ เพื่อจะสามารถตรวจพบตั้งแต่แรกและให้การรักษาได้ทันท่วงที

 

แท้งบุตร  

  • อาการ ระยะแรกที่ทารกหรือตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ อาจมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเพียงเล็กน้อย ร่วมกับปวดท้องน้อย หากผู้ป่วยได้นอนพักผ่อนเต็มที่ 3 - 4 วัน เลือดอาจหยุดได้เอง และการตั้งครรภ์อาจดำเนินต่อไปได้เป็นปกติ แต่หากตัวอ่อนเสียชีวิตลงจะเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงคล้ายคลอดบุตร และอาจเห็นก้อนเนื้อของตัวอ่อนหลุดออกมา ถ้าตัวอ่อนหลุดออกมาหมดจะเรียกว่า การแท้งโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าหลุดออกมาไม่หมดอาจจะต้องทำการขูดมดลูกนำเศษรกที่ค้างออกมา 

  • สาเหตุ มีอยู่ 2 ประการ คือ แท้งเอง กับตั้งใจทำแท้ง  การแท้งเองอาจเกิดได้จากไข่ที่ไม่สมบูรณ์ หรือแม่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคเลือดบางชนิด ก็ทำให้แท้งได้ บางรายก็หาสาเหตุชัดเจนไม่ได้ เช่น อาจจะเกิดจากภาวะเครียด อดนอน ทำงานหนัก 

  • การป้องกัน ก่อนตั้งครรภ์ต้องตรวจสุขภาพร่างกาย ถ้ามีโรคต้องรีบรักษาให้หายหรือให้อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ จึงปล่อยให้มีการตั้งครรภ์และควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์

 

โรคหลอดประสาทไม่ปิด (Neural tube defects)  

  • อาการ เป็นความพิการแต่กำเนิดที่พบได้บ่อย สามารถนำไปสู่ความพิการทางร่างกายที่รุนแรงจนเสียชีวิตได้ เกิดจากหลอดประสาทเชื่อมปิดไม่สมบูรณ์ในครรภ์มารดา ช่วงระหว่างที่ตัวอ่อนมีอายุได้ 23 - 28 วันหลังปฏิสนธิ ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป 

  • สาเหตุ เกิดจากทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะขาดวิตามินโฟลิกในคุณแม่ตั้งครรภ์ ได้รับยาหรือสารเคมีระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ยากันชัก มารดาเป็นเบาหวาน 

  • การป้องกัน ภาวะหลอดประสาทไม่ปิดมีโอกาสเกิดซ้ำในบุตรคนถัดไป การป้องกันทำได้โดยให้คุณแม่ตั้งครรภ์กินวิตามินโฟลิก 400 ไมโครกรัม อย่างน้อย 3 เดือนก่อนตั้งครภ์จนถึงอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ หรือหญิงที่เคยมีบุตรเป็นโรคประสาทไม่ปิด ป้องกันการเกิดซ้ำโดยกินวิตามินโฟลิก 4000 ไมโครกรัม อย่างน้อย 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์จนถึงอายุครภ์ 12 สัปดาห์

 

ภาวะซึมเศร้าในคุณแม่ตั้งครรภ์  

  • อาการ มีอาการที่หลากหลาย ที่สำคัญคือ รู้สึกซึมเศร้าหดหู่ สะเทือนใจและร้องไห้ง่าย บางครั้งรู้สึกเบื่อหบ่ายกับสิ่งต่าง ๆ และจิตใจไม่สดชื่นเหมือนเดิม และมักมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย 

  • สาเหตุ เกิดจากความเครียดหรือความกดดันในชีวิตจากหลายสาเหตุ เช่น ขาดการดูแลเอาใจใส่จากคนใกล้ชิด ปัญหา หรือความรุนแรงในครอบครัว มีโรคหรือภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เคยมีประวัติแท้งบุตรมาก่อน ตั้งครรภ์ในช่วงที่แม่อายุน้อยเกินไปหรือยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ ทำให้คิดหรือตัดสินใจได้ยากลำบากขึ้นและบางครั้งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ จนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่และทารกในครรภ์ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดตามมาด้วย 

  • การป้องกัน เป็นอาการธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่คนที่อารมณ์ดีเสมอ ถ้ามีอาการควรทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การเดินออกกำลังกาย ทำสมาธิ การพูดคุยปรึกษาสิ่งที่กังวลใจกับคนรัก ครอบครัว และเพื่อนสนิท

 

การป้องกันภาวะแทรกซ้อน 

 

  • รับประทานวิตามินโฟลิค (โฟเลต) 4 - 5 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ ตลอดจนคลอด 

  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามข้อบ่งชี้ 

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม 

  • ออกกำลังกายตามความเหมาะสม 

  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 

  • พบแพทย์ตามนัด

 

นอกจากการดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ให้ดี และเตรียมร่างกายให้พร้อมจนถึงวันครบกำหนดคลอดแล้ว คุณแม่และคุณพ่อยังสามารถใช้ช่วงเวลาระหว่างนี้ จัดกระเป๋าเตรียมคลอดให้ลูกรัก ซึ่งสามารถเริ่มจัดกระเป๋าเตรียมคลอดได้ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 หรือช่วงเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 โดยคุณแม่ควรเลือกของใช้ของลูกน้อยที่มีความอ่อนโยน และปลอดภัยต่อผิวบอบบาง โดยเฉพาะผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กแรกเกิดซึ่งสัมผัสผิวลูกน้อยโดยตรง อย่าง ผ้าอ้อมสำเร็จรูป MamyPoKo Super Premium Organic สำหรับเด็กแรกเกิด ตัวใหม่ล่าสุด ที่มีส่วนผสมของ ออร์แกนิค คอตตอน ที่นุ่มและมอบสัมผัสอ่อนโยนที่สุดสำหรับผิวของลูกรักวัยแรกเกิด มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ออร์แกนิค สปีด ชีท ที่บางเบาเพียง 0.4 เซนติเมตร แต่ยังคงคุณสมบัติซึมซับได้อย่างดีเยี่ยม และมีฟังก์ชั่นใหม่ ขอบเอวด้านหลังมีความนุ่ม กระชับ ช่วยป้องกันการรั่วซึมของปัสสาวะได้ดี ช่วยให้ลูกรู้สึกสบายตัว ยิ้มง่าย พัฒนาการดี และอารมณ์ดีตลอดวัน คุณสมบัติดี ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณแม่ก็คลายกังวลใจเรื่องผดผื่นที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อยวัยแรกเกิดได้มากยิ่งขึ้นค่ะ

 



Credit content: www.th.theasianparent.com

 

ระบบมีการใช้งานคุกกี้บนเบราเซอร์ของคุณ หากต้องการใช้งานโปรดเปิดใช้งานคุกกี้ กรณีที่คุณใช้ Safari บน iPhone หรือ iPad โปรดปิดโหมดการเรียกดูส่วนตัว หากคุณลบข้อมูลคุกกี้ รายการโปรดที่คุณเลือกไว้จะถูกลบไปด้วย